“ The Leader in Engineering Service Consultants ”

  • 02 270 8899
 

นโยบาย
ความเป็นส่วนตัวสำหรับพนักงาน

(Privacy Notice – ความเป็นส่วนตัวสำหรับพนักงานEmployees)
 
บริษัทในกลุ่มของ STS Group ซึ่งประกอบไปด้วย บริษัท เอส ที เอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด , บริษัท เอส ที เอส เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด , บริษัท เอส ที เอส กรีน จำกัด และบริษัท รฉัตร เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด (ต่อไปในนี้เรียกว่า “บริษัทฯ”) ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 จึงได้จัดทำประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ท่านทราบถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รายละเอียดดังต่อไปนี้
ประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ครอบคลุมถึงบุคคลธรรมดาที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพยากรบุคคลของบริษัท ซึ่งหมายความรวมถึง กรรมการ ที่ปรึกษา ผู้บริหาร ผู้สมัครงาน พนักงานประจำ พนักงานอิสระ นักศึกษาฝึกงาน อดีตบุคลากรของบริษัท และรวมถึงบุคคลใด ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับบุคลากรของบริษัท เช่น บุคคลในครอบครัวของพนักงาน บุคคลติดต่อกรณีฉุกเฉิน เป็นต้น โดยเรียกรวมกันว่า "เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล" หรือ "ท่าน"
ข้อ 1. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
          บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอาศัยฐานความยินยอม ฐานจำเป็นเพื่อเข้าทำหรือปฏิบัติตามสัญญา ฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย ฐานเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้อง ฐานบรรลุวัตถุประสงค์ทางกฎหมายเพื่อการจัดการด้านเวชศาสตร์ การคุ้มครองสังคมและแรงงาน และฐานอื่น ๆ ที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอนุญาตเท่านั้น เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
  • เพื่อการสรรหาบุคลากร เช่น การรับสมัคร การสัมภาษณ์ การตรวจสุขภาพ การตรวจประวัติอาชญากรรม การเสนอจ้างงาน เป็นต้น
  • เพื่อการจัดการตามสัญญา เช่น การจ่ายเงินเดือน การจัดการสวัสดิการ การให้สิทธิลา การดำเนินการตามคำร้องขอ
  • เพื่อการจัดการด้านทรัพยากรบุคคล เช่น การฝึกอบรม การแต่งตั้ง การโยกย้าย การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งงาน การประเมินผลการทำงาน การปรับตำแหน่งงาน การปรับเงินเดือน การวางแผนสืบทอดตำแหน่งงาน
  • เพื่อการจัดการภายใน เช่น การจัดทำข้อมูลพนักงาน การจัดทำบัตรพนักงาน การจัดการสิทธิเข้าถึงระบบการทำงาน การมอบอำนาจ การติดต่อสื่อสาร การปรับโครงสร้างองค์กร
  • เพื่อประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย เช่น การดำเนินธุรกิจ การรักษาความปลอดภัย การป้องกันอาชญากรรม การบริหารความเสี่ยง การกำกับดูแล การวางแผนทางธุรกิจ การดำเนินการวินัย การใช้สิทธิทางศาล
  • เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น กฎหมายภาษี กฎหมายแรงงาน กฎหมายประกันสังคม กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  • เพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ เช่น การตลาด การให้ข้อมูลแก่สถาบันการเงิน การติดต่อลูกค้าหรือคู่ค้า การวิเคราะห์และรายงานผล การป้องกันอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพ
          ในกรณีที่บริษัทต้องขอข้อมูลส่วนบุคคลจากท่าน เพื่อเข้าทำหรือปฏิบัติตามสัญญา หรือปฏิบัติตามกฎหมาย หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว บริษัทอาจจะไม่สามารถดำเนินการตามที่ท่านประสงค์ได้
บริษัทอาจได้รับข้อมูลบุคคลที่สามโดยท่านเป็นผู้ให้ข้อมูลกับบริษัท เช่น สมาชิกในครอบครัว บุคคลติดต่อกรณีฉุกเฉิน บุคคลอ้างอิง อดีตนายจ้าง เป็นต้น โปรดแจ้งประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้แก่บุคคลที่สามดังกล่าว และขอความยินยอมจากบุคคลดังกล่าวหากจำเป็น เว้นแต่มีข้อกำหนดทางกฎหมายอื่นที่ไม่ต้องขอความยินยอม
ข้อ 2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม
          บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงจากท่าน เช่น การสัมภาษณ์ การทำสัญญา การติดต่อสื่อสาร เป็นต้น และเก็บรวบรวมจากแหล่งอื่น เช่น ตัวแทนจัดหางาน หน่วยงานของรัฐ พันธมิตรทางธุรกิจ บุคคลที่สาม เป็นต้น โดยมีข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
          1. ข้อมูลพื้นฐาน เช่น ชื่อ นามสกุล เพศ วันเดือนปีเกิด รูปภาพ ลายมือชื่อ สถานภาพทางทหาร ประวัติการศึกษา ข้อมูลบัตรประชาชน ข้อมูลทะเบียนบ้าน ข้อมูลใบขับขี่
          2. ข้อมูลติดต่อ เช่น ที่อยู่ปัจจุบัน อีเมล เบอร์โทรศัพท์ ไลน์ไอดี  
          3. ข้อมูลการเงิน เช่น ข้อมูลบัญชีธนาคาร ข้อมูลการจ่ายเงินเดือน ข้อมูลสวัสดิการ
          4. ข้อมูลอ่อนไหว เช่น ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลชีวภาพ ข้อมูลศาสนา
          5. ข้อมูลบุคคลที่สาม เช่น บุคคลอ้างอิง บุคคลติดต่อฉุกเฉิน สมาชิกในครอบครัว
          6. ข้อมูลอื่น ๆ เช่น ข้อมูลคุกกี้ ข้อมูลการทำงาน ข้อมูลพฤติกรรม ข้อมูลทางเทคโนโลยี
          กรณีบริษัทได้รับสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์ตัวตน และ/หรือการทำธุรกรรมใด ๆ กับบริษัท ซึ่งอาจจะมีข้อมูลอ่อนไหว เช่น ศาสนา หมู่โลหิต อยู่ด้วย บริษัทฯ ไม่มีนโยบายจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวยกเว้นในกรณีที่บริษัทมีสิทธิตามกฎหมาย ทั้งนี้ บริษัทจะกำหนดวิธีการจัดการตามแนวทางปฏิบัติและเป็นไปตามที่กฎหมายอนุญาต
ข้อ 3. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
หน่วยงานรัฐ เช่น กรมสรรพากร สำนักงานประกันสังคม กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรมการจัดหางาน กรมบังคับคดี กองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน หรือหน่วยงานอื่นใดที่อาศัยอำนาจตามกฎหมาย
ผู้ให้บริการภายนอก ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ธนาคาร ผู้ให้บริการด้านประกันภัย ผู้ให้บริการฝึกอบรม ผู้ประเมินผลเพื่อการบริหารจัดการองค์กร ผู้ให้บริการรจองการเดินทางและที่พัก ผู้ตรวจสอบภายนอก ที่ปรึกษาด้านต่าง ๆ เช่น ที่ปรึกษากฎหมาย ที่ปรึกษาการบริหารทรัพยากรบุคคล
บุคคลภายนอกอื่น ๆ เช่น ผู้สนใจจะซื้อกิจการบริษัท บุคคลที่ท่านสมัครหรือใช้บริการด้านสินเชื่อ ด้านการสมัครงาน ด้านการศึกษาต่อ บริษัทในเครือกิจการ สมาคมที่เกี่ยวข้อง
ข้อ 4. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ
กรณีที่มีเหตุต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ บริษัทจะปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ
ข้อ 5. การเก็บรักษาและระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
          บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องตามประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ทั้งนี้ บริษัทอาจจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ต่อไปภายหลังจากนั้นหากมีกฎหมายกำหนดหรืออนุญาตไว้ เช่น เก็บไว้ไม่เกิน 10 ปีตามอายุความกฎหมาย เป็นต้น
ข้อ 6. บริษัทคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นอย่างดีตามมาตรการเชิงเทคนิค (Technical Measure) และมาตรการเชิงบริหารจัดการ (Organizational Measure) เพื่อรักษาความปลอดภัยในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม และเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
ข้อ 7. สิทธิของเจ้าของข้อมูล
(1) สิทธิเพิกถอนความยินยอม
ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท
ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านอาจส่งผลกระทบต่อการพิจารณางาน สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่ท่านพึงได้รับจากบริษัท หรือไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารอันเป็นประโยชน์แก่ท่าน เป็นต้น เพื่อประโยชน์ของท่าน จึงควรศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบก่อนเพิกถอนความยินยอม
(2) สิทธิเข้าถึง รับสำเนา และรับทราบการได้มา
ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้กับท่าน รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในความครอบครองของบริษัท
(3) สิทธิโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง
(4) สิทธิในการคัดค้าน
ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในกรณีเพื่อการที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย หรือภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ
(5) สิทธิในการขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้
(6) สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิขอระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ท่านขอให้บริษัทระงับการใช้แทน
(7) สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
(8) สิทธิร้องเรียน
ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย
ในกรณีที่ท่านยื่นคำร้องขอใช้สิทธิภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อบริษัทได้รับคำร้องขอดังกล่าวแล้ว จะดำเนินการภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด อนึ่ง บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้ เช่น บริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล เพื่อประโยชน์สาธารณะ การใช้สิทธิของท่านอาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น โดยบริษัทจะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ท่านทราบด้วย
ข้อ 8. การเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัว
          หากมีการเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบผ่านช่องทางที่เหมาะสม
ข้อ 9. ช่องทางการติดต่อ
  1. ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)
  • ชื่อ: บริษัท เอส ที เอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด
  • สถานที่ติดต่อ: เลขที่ 196/8-12 ซอยประดิพัทธ์ 14 ถนนประดิพัทธ์ แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร
  • ช่องทางการติดต่อ: dpo@sts.co.th
  • Call Center : 02-270-8899
  1. เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)
-    ชื่อ : ธัญญพัทธ์ สิระพงษ์วิชยา
  • สถานที่ติดต่อ: เลขที่ 196/8-12 ซอยประดิพัทธ์ 14 ถนนประดิพัทธ์ แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร
  • ช่องทางการติดต่อ: dpo@sts.co.th
  • Call Center : 02-270-8899
ข้อ 10. กฎหมายที่ใช้บังคับ
          ประกาศความเป็นส่วนตัวนี้อยู่ภายใต้การบังคับใช้ตามกฎหมายไทยและศาลไทยเป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณาข้อพิพาทใดที่อาจเกิดขึ้น