“ The Leader in Engineering Service Consultants ”

  • 02 270 8899

ประกาศความเป็นส่วนตัวข้อมูลสำหรับการใช้กล้องโทรทัศน์วงจรปิด
(Privacy Notice – CCTV)

 

STS Group
          บริษัทในกลุ่มของ STS Group ซึ่งประกอบไปด้วย บริษัท เอส ที เอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด , บริษัท เอส ที เอส เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด , บริษัท เอส ที เอส กรีน จำกัด และบริษัท รฉัตร เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด (ซึ่งต่อไปในประกาศนี้ เรียกว่า “บริษัทฯ”) ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วน บุคคลตาม พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 จึงได้จัดทำประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ท่านทราบถึง รายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ผ่านการใช้ อุปกรณ์กล้องวงจรปิด (CCTV) ในพื้นที่ของบริษัทฯ รายละเอียดดังต่อไปนี้
ประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ครอบคลุมถึงบุคคลธรรมดาที่เข้ามาในบริเวณพื้นที่ของบริษัทฯ  ซึ่งหมายความรวมถึง ผู้ติดต่อ บุคลากร ลูกค้า คู่ค้า ของบริษัทฯ โดยเรียกรวมกันว่า "เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล" "ลูกค้า" หรือ "ท่าน"
ข้อ 1. ฐานกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ฐานกฎหมายดังต่อไปนี้
❒ ความจำเป็นในการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น
❒ ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของเราหรือบุคคลอื่น โดยประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
❒ ความจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งควบคุมดูแลเกี่ยวกับความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมในสถานที่ทำงาน และทรัพย์สินของบริษัทฯ
ข้อ 2. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
          บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอาศัยฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย ฐานเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้อง ฐานป้องกันอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพ ฐานบรรลุวัตถุประสงค์ทางกฎหมายเพื่อการจัดการด้านเวชศาสตร์ การคุ้มครองสังคมและแรงงาน และฐานอื่น ๆ ที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอนุญาตเท่านั้น เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
  • เพื่อปกป้องชีวิต ร่างกาย สุขภาพ หรือทรัพย์สินส่วนตัวของบุคคล
  • เพื่อควบคุมการเข้ามาภายในพื้นที่ของบริษัทฯ  และเพื่อการรักษาความปลอดภัยของอาคาร บุคลากร พนักงาน และผู้มาติดต่อ รวมทั้งทรัพย์สินและข้อมูลของบริษัทฯ
  • เพื่อการปกป้อง/ป้องกันสถานที่ อาคาร พื้นที่ต่างๆ และทรัพย์สินของบริษัทฯ  จากความเสียหาย และอาชญากรรมอื่น ๆ
  • เพื่อช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาททางแพ่ง ทางอาญา และทางกฎหมายอื่น ๆ
  • เพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ตามกฎหมาย เช่น การสืบสวนสอบสวนของหน่วยงานรัฐ การให้ความร่วมมือ กับศาล หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานที่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมาย
บริษัทฯ จะติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) ที่จุดสำคัญภายในสถานที่ อาคารและพื้นที่ต่าง ๆ ของบริษัทฯ แต่จะไม่ติดตั้ง ในบางพื้นที่ เช่น ห้องพัก ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ หรือสถานที่เพื่อใช้ในการพักผ่อนของผู้ปฏิบัติงานเป็นต้น และบริษัทจะมีป้ายแจ้งเตือนในสถานที่ที่มีการใช้งาน เกี่ยวกับกล้องวงจรปิด (CCTV) โดยเปิดเผย
          ในกรณีที่บริษัทฯ ต้องขอข้อมูลส่วนบุคคลจากท่าน เพื่อเข้าทำหรือปฏิบัติตามสัญญา หรือปฏิบัติตาม กฎหมาย หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว บริษัทฯ อาจจะไม่สามารถดำเนินการตามที่ท่านประสงค์ได้
ข้อ 3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมและใช้
          บริษัทฯ เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงจากท่านผ่านระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) โดยมีข้อมูลส่วน บุคคลที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
  • ภาพเคลื่อนไหว ภาพนิ่ง เสียง เกี่ยวกับบุคคลธรรมดา
  • ภาพเคลื่อนไหว ภาพนิ่ง เสียง เกี่ยวกับทรัพย์สิน ยานพาหนะ ของบุคคลธรรมดา
ข้อ 4. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
หน่วยงานรัฐ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ศาล หรือหน่วยงาน อื่นใด ที่อาศัยอำนาจตามกฎหมาย
ผู้ให้บริการภายนอก เช่น ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ผู้ให้บริการรักษา ความปลอดภัย ผู้ประเมินผลเพื่อการบริหารจัดการองค์กร ผู้ตรวจสอบภายนอก ที่ปรึกษาด้านต่าง ๆ เช่น ที่ปรึกษากฎหมาย เป็นต้น
บุคคลภายนอกอื่น ๆ เช่น บริษัทฯ ในเครือกิจการ ลูกค้า คู่ค้า บุคคลผู้เสียหาย เป็นต้น
ข้อ 5. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ
กรณีที่มีเหตุต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ บริษัทฯ จะปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ของ กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นใช้หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ
ข้อ 6. การเก็บรักษาและระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  • เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของการเฝ้าระวังสังเกตโดยการใช้อุปกรณ์กล้องวงจรปิดตามที่ประกาศความเป็นส่วนตัวนี้กำหนด ระบบกล้องวงจรปิดจะเก็บภาพเคลื่อนไหวของบุคคลที่เข้ามาในระยะกล้องสามารถจับภาพได้ตลอด 24 ชั่วโมง และบริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลในกล้องวงจรปิดที่เกี่ยวข้องกับท่าน เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 14-30 วัน นับจากวันที่มีการบันทึก ซึ่งเมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวบริษัทฯ จะทำการ ลบ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามระบบของกล้องวงจรปิด
  • กรณีที่เกิดเหตุอันตราย และข้อมูลในกล้องวงจรปิดได้นำไปใช้ในกระบวนการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่รัฐข้อมูลในกล้องวงจรปิดดังกล่าวจะนำไปใช้จนกว่ากระบวนการสืบสวนสอบสวนจะยุติลง
  • หากข้อมูลในกล้องวงจรปิด ต้องนำไปใช้ในกระบวนการทางศาลเพื่อพิจารณาคดี ข้อมูลในกล้องวงจรปิดดังกล่าวจะนำไปใช้จนกว่ากระบวนการทางศาลนั้นจะสิ้นสุดลง
ข้อ 7. บริษัทฯ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร
บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นอย่างดีตามมาตรการเชิงเทคนิค (Technical Measures) และมาตรการเชิงบริหารจัดการ (Organizational Measures) เพื่อรักษาความปลอดภัยใน การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม และเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลตามหลักเกณฑ์ที่ กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
ข้อ 8. ความรับผิดชอบของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
          บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่บันทึกจากกล้องวงจรปิด (CCTV) และจำกัดการเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวเฉพาะบุคคลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น เพื่อป้องกันการนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลจากกล้องวงจรปิด ดังนี้
  1. ฝ่ายที่ได้รับมอบหมายจากบริษัทฯ – เพื่อดำเนินการตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และกำกับดูแลการใช้งานกล้องวงจรปิดให้เป็นไปตามนโยบายของบริษัทฯ
  2. ฝ่ายกฎหมายหรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO) – เพื่อตรวจสอบกรณีที่เกี่ยวข้องกับข้อพิพาททางกฎหมาย หรือการร้องขอข้อมูลตามสิทธิของเจ้าของข้อมูล
  3. หน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมาย – เช่น ตำรวจ หน่วยงานกำกับดูแล หรือศาล เมื่อมีการร้องขอข้อมูลอย่างเป็นทางการ
  4. บุคคลภายนอกที่ได้รับอนุญาตจากบริษัทฯ – เช่น บริษัทประกันภัยในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หรือ       ผู้ให้บริการด้านเทคนิคที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลระบบกล้องวงจรปิด
ข้อ 9. สิทธิของเจ้าของข้อมูล
(1) สิทธิเพิกถอนความยินยอม
ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัทฯ
ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านอาจส่งผลกระทบต่อการพิจารณางาน สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่ท่านพึงได้รับจากบริษัทฯ  หรือไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารอันเป็นประโยชน์แก่ท่าน เป็นต้น เพื่อประโยชน์ของท่าน จึงควรศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบก่อนเพิกถอนความยินยอม
(2) สิทธิเข้าถึง รับสำเนา และรับทราบการได้มา
ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและขอให้บริษัทฯ ทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้กับท่าน  รวมถึงขอให้บริษัทฯ เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในความครอบครองของบริษัทฯ
(3) สิทธิโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทฯ ได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้ สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผย ข้อมูล ส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยัง ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง
(4) สิทธิในการคัดค้าน
ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในกรณีเพื่อการที่ จำเป็นภายใต้ประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย หรือภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับ การตลาดแบบตรง หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ
(5) สิทธิในการขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้
(6) สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิขอระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่บริษัทฯ อยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้ สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทฯ หมดความจำเป็นและต้องลบ หรือ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ท่านขอให้บริษัทฯ ระงับการใช้แทน
(7) สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
(8) สิทธิร้องเรียน
ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หากท่านเชื่อว่า การเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือ ไม่ปฏิบัติ ตามกฎหมาย    
ในกรณีที่ท่านยื่นคำร้องขอใช้สิทธิภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อบริษัทฯ ได้รับคำร้องขอ ดังกล่าวแล้ว จะดำเนินการภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด อนึ่ง บริษัทฯ อาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการ ตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้ เช่น บริษัทฯ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล เพื่อประโยชน์สาธารณะ การใช้สิทธิของท่านอาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น โดยบริษัทฯ จะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธ ให้ท่านทราบด้วย
 
ข้อ 10. การเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัว
          ในการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงประกาศนี้ บริษัทฯ อาจพิจารณาแก้ไขเปลี่ยนแปลงตามที่เห็นสมควร และจะทำการแจ้งให้ท่านทราบผ่านช่องทางบนเว็บไซต์ https://www.sts.co.th/ โดยมีวันที่ของเวอร์ชันล่าสุดกำกับอยู่ตอนท้าย อย่างไรก็ดี เราขอแนะนำให้ท่านโปรดตรวจสอบเพื่อรับทราบประกาศฉบับใหม่อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะก่อนที่ท่านจะเข้ามาในพื้นที่ของเรา
การเข้ามาในพื้นที่ของท่าน ถือเป็นการรับทราบตามข้อตกลงในประกาศนี้ ทั้งนี้ โปรดระงับการเข้าพื้นที่ หากท่านไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงในประกาศฉบับนี้ หากท่านยังคงเข้ามาในพื้นที่ต่อไปภายหลังจากที่ประกาศนี้มีการแก้ไขและนำขึ้นประกาศในช่องทางข้างต้นแล้ว จะถือว่าท่านได้รับทราบการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแล้ว

ข้อ 11. ช่องทางการติดต่อ
  1. ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)
  • ชื่อ: กลุ่มบริษัท STS GROUP
  • สถานที่ติดต่อ: เลขที่ 196/8-12 ซอยประดิพัทธ์ 14 ถนนประดิพัทธ์ แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร
  • ช่องทางการติดต่อ: dpo@sts.co.th
  • Call Center: 02-270-8899
  1. เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)
- ชื่อ: ธัญญพัทธ์ สิระพงษ์วิชยา
  • สถานที่ติดต่อ: เลขที่ 196/8-12 ซอยประดิพัทธ์ 14 ถนนประดิพัทธ์ แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร
  • ช่องทางการติดต่อ: dpo@sts.co.th
  • Call Center: 02-270-8899
ข้อ 12. กฎหมายที่ใช้บังคับ
          ประกาศความเป็นส่วนตัวนี้อยู่ภายใต้การบังคับใช้ตามกฎหมายไทย และศาลไทยเป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณาข้อพิพาทใดที่อาจเกิดขึ้น